• Welcome to ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN.
 

เว็บบอร์ด กรุงเทพ Webboard Bangkok ลงประกาศฟรี

โพสเว็บบอร์ด กรุงเทพ กทม. บอร์ดคนเมือง ตลาดขายบ้าน คอนโด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม อพาร์ทเมนท์ โรงแรม ที่อยู่อาศัย นนทบุรี กรุงเทพ และทั่วประเทศไทย ลงประกาศฟรี ซื้อ ขาย ออนไลน์ รวดเร็วทันใจ เว็บประกาศ ยอดนิยมใน กรุงเทพฯ Bkk คนไทยเทศ ประเทศไทย และเอเชีย


Backlink สายเทา

ขั้นตอนการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ และสิ่งที่ควรรู้เพื่อให้พื้นสวยงามและทนทาน

Started by Jessicas, May 13, 2025, 08:04 AM

Previous topic - Next topic

Jessicas

ขั้นตอนการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ และสิ่งที่ควรรู้เพื่อให้พื้นสวยงามและทนทาน


พื้นไม้เอ็นจิเนียร์เป็นตัวเลือกยอดนิยมที่ให้ความสวยงามของไม้จริง พร้อมคุณสมบัติที่ดีขึ้นในเรื่องความคงตัว การติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์อาจดูเหมือนง่ายกว่าการติดตั้งพื้นไม้จริงแบบดั้งเดิม แต่ก็ยังต้องอาศัยความใส่ใจในรายละเอียดและการทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้พื้นไม้ที่สวยงาม ได้ระนาบ และมีอายุการใช้งานยาวนาน บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่สำคัญ พร้อมสิ่งที่ควรรู้และข้อควรระวัง ทั้งสำหรับผู้ที่ต้องการจ้างช่างมืออาชีพและผู้ที่สนใจติดตั้งด้วยตัวเอง (DIY)
สิ่งที่ควรรู้และต้องเตรียมการ ก่อนเริ่มติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์

การเตรียมการที่ดีคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการติดตั้งพื้นไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ มีหลายสิ่งที่คุณต้องจัดการก่อนที่จะเริ่มปูไม้แผ่นแรก:
[ol]
  • การปรับสภาพไม้ (Acclimatization): พื้นไม้เอ็นจิเนียร์จำเป็นต้องปรับสภาพให้เข้ากับอุณหภูมิและความชื้นของห้องที่จะติดตั้ง โดยปกติควรนำไม้ไปวางไว้ในห้องนั้นๆ ในบรรจุภัณฑ์ที่ยังไม่แกะออก หรือแกะแล้ววางเรียงไว้ (ตามคำแนะนำของผู้ผลิต) เป็นเวลาอย่างน้อย 48-72 ชั่วโมง (หรือนานกว่านั้นในบางกรณี) เพื่อให้ไม้มีการยืดหดตัวตามสภาพแวดล้อมจริงก่อนติดตั้ง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาวูดโก่ง บวม หรือแยกตัวหลังการติดตั้ง
  • การเตรียมพื้นเดิม (Subfloor Preparation): พื้นเดิม (Subfloor) ต้องมีลักษณะดังนี้:
    [ul]
    • สะอาด: กวาดและดูดฝุ่น เศษหิน ดิน ทราย หรือคราบกาวต่างๆ ออกให้หมด
    • แห้งสนิท: ความชื้นเป็นศัตรูสำคัญของพื้นไม้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นคอนกรีตแห้งสนิท (อาจใช้เครื่องวัดความชื้น) หากมีความชื้นสูง อาจต้องติดตั้งแผ่นฟิล์มพลาสติกกันความชื้น (Moisture Barrier) ก่อนปูไม้
    • ได้ระนาบ: พื้นต้องเรียบและได้ระนาบ ไม่มีหลุม บ่อ หรือส่วนที่นูนสูงเกินไป หากพื้นไม่เรียบมาก อาจต้องปรับระดับพื้นด้วยปูนปรับระดับ (Self-leveling Compound) หรือขัดส่วนที่นูนออก
    • แข็งแรงมั่นคง: พื้นเดิมต้องแข็งแรง ไม่ยุบตัว หรือมีเสียงดังขณะเดิน
    • รื้อพื้นเดิม (ถ้าจำเป็น): หากมีพื้นเดิมอยู่ เช่น พรม ควรทำการรื้อออกให้หมดก่อน
    [/ul]
  • การตรวจสอบไม้: ก่อนและระหว่างการติดตั้ง ควรตรวจสอบไม้เอ็นจิเนียร์แต่ละแผ่นว่ามีตำหนิ เสียหาย หรือสีผิดเพี้ยนหรือไม่ คัดแยกแผ่นที่มีปัญหาออกเพื่อนำไปใช้ในส่วนที่ต้องตัด หรือแจ้งผู้ขายหากพบความเสียหายจำนวนมาก
  • การรวบรวมเครื่องมือ: เตรียมเครื่องมือที่จำเป็นให้พร้อม ซึ่งรวมถึง:
    [ul]
    • ตลับเมตร
    • เลื่อย (เลื่อยวงเดือน, เลื่อยจิ๊กซอว์) สำหรับตัดไม้
    • ค้อนยาง หรือ Tapping Block สำหรับเคาะไม้เข้าลิ้น
    • Pull Bar หรือ Pry Bar สำหรับดึงไม้แผ่นสุดท้ายให้เข้าที่
    • Spacers (ตัวเว้นระยะ) สำหรับรักษาระยะห่างจากผนัง (Expansion Gap)
    • มีดคัตเตอร์สำหรับตัดแผ่นรองพื้น
    • ดินสอ
    • อุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น แว่นตานิรภัย, ถุงมือ
    • (สำหรับติดตั้งแบบติดกาว) เกรียงสำหรับปาดกาว, กาวสำหรับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
    • (อาจจำเป็น) เครื่องวัดความชื้นสำหรับพื้นคอนกรีต, ไม้บรรทัดยาว หรือระดับน้ำ
    [/ul]
[/ol]

ขั้นตอนการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (สำหรับระบบคลิกล็อกแบบลอยตัว ซึ่งเป็นที่นิยม)
การติดตั้งแบบลอยตัว (Floating Installation) โดยใช้ระบบคลิกล็อก (Click-lock System) เป็นวิธีที่นิยมสำหรับไม้เอ็นจิเนียร์ เพราะติดตั้งง่าย ไม่ต้องใช้กาวหรือตะปูยึดติดกับพื้นเดิม:
ขั้นตอนที่ 1: วางแผนทิศทางการปูและจัดแนวเริ่มต้น ตัดสินใจว่าจะปูพื้นไม้ไปในทิศทางใด โดยทั่วไปมักจะปูให้ขนานกับผนังที่ยาวที่สุด หรือตั้งฉากกับแนวคานพื้น (ในกรณีที่เป็นพื้นไม้เดิม) การเริ่มต้นปูแถวแรกให้ตรงและได้แนวเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากจะเป็นแนวทางสำหรับการปูทั้งห้อง
ขั้นตอนที่ 2: ติดตั้งแผ่นรองพื้น (Underlayment) ปูแผ่นรองพื้นสำหรับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (ซึ่งอาจเป็นโฟม PE, EVA หรือวัสดุอื่นๆ ที่มีฟิล์มกันความชื้นในตัว หรือต้องปูแผ่นฟิล์มกันความชื้นก่อนแล้วจึงปูแผ่นรองพื้น) แผ่นรองพื้นช่วยป้องกันความชื้นจากพื้นเดิม ลดเสียงดังจากการเดิน และช่วยปรับระดับพื้นเดิมที่ไม่เรียบเล็กน้อย ปูแผ่นรองพื้นให้คลุมพื้นที่ทั้งหมด โดยให้ขอบแต่ละแผ่นชิดกันหรือซ้อนทับกันเล็กน้อยตามคำแนะนำของผู้ผลิต
ขั้นตอนที่ 3: เริ่มปูไม้แถวแรก เริ่มต้นปูจากมุมห้อง โดยให้ด้านลิ้นของไม้หันออกจากผนัง วางไม้แผ่นแรกโดยเว้นระยะห่างจากผนังประมาณ 10-15 มิลลิเมตร (สำหรับเป็นระยะห่างการขยายตัว หรือ Expansion Gap) โดยใช้ Spacers สอดไว้ระหว่างขอบไม้กับผนัง วางไม้แผ่นถัดไปในแถวแรก เชื่อมต่อด้วยระบบคลิกล็อกของไม้แต่ละแผ่น ใช้ Tapping Block และค้อนยางเคาะเบาๆ ที่ขอบไม้เพื่อให้ลิ้นและร่องเข้าสนิทกันตลอดแนว
ขั้นตอนที่ 4: การตัดไม้และการปูแถวถัดไป เมื่อปูไม้ถึงปลายแถว ให้วัดระยะที่เหลือและตัดไม้แผ่นสุดท้ายให้พอดี (อย่าลืมหักระยะ Expansion Gap ที่ปลายแถวด้วย) มักจะใช้เศษไม้ที่เหลือจากการตัดแผ่นสุดท้าย (ถ้ามีความยาวพอสมควร) เพื่อเริ่มต้นปูในแถวที่สอง การเริ่มต้นแถวใหม่ด้วยเศษไม้จะช่วยให้รอยต่อของแผ่นไม้ในแต่ละแถวไม่ตรงกัน (Staggered Joints) ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความสวยงาม ปูแถวที่สองโดยนำแผ่นไม้มาเอียงทำมุมเล็กน้อยแล้วกดให้คลิกเข้ากับลิ้นของไม้แถวแรก ค่อยๆ วางแผ่นไม้ลง แล้วใช้ Tapping Block และค้อนยางเคาะตามยาวเพื่อให้แผ่นไม้เข้าสนิทกันตลอดแนว ทำซ้ำขั้นตอนนี้ไปเรื่อยๆ จนเกือบถึงผนังฝั่งตรงข้าม
ขั้นตอนที่ 5: การตัดไม้รอบสิ่งกีดขวาง เมื่อต้องปูไม้รอบเสา วงกบประตู หรือมุมห้องต่างๆ ต้องวัดขนาดและตัดไม้ให้เป็นรูปทรงตามสิ่งกีดขวางนั้นๆ อย่างระมัดระวัง โดยยังคงต้องเว้นระยะ Expansion Gap รอบสิ่งกีดขวางเหล่านั้นด้วย
ขั้นตอนที่ 6: การปูแถวสุดท้าย เมื่อมาถึงแถวสุดท้าย มักจะต้องวัดความกว้างของแถวสุดท้ายและใช้เลื่อยตัดไม้ตามยาวตลอดแนว (อย่าลืมหักระยะ Expansion Gap ที่ชิดผนัง) การใส่ไม้แผ่นสุดท้ายอาจต้องใช้ Pull Bar สอดเข้าไปที่ขอบไม้ด้านที่ชิดผนัง แล้วใช้ค้อนเคาะเบาๆ เพื่อดึงให้แผ่นไม้เข้าลิ้นกับไม้ในแถวก่อนหน้าจนสนิท
ขั้นตอนที่ 7 (สำหรับวิธีติดกาว - Glue-down): หากเลือกติดตั้งแบบติดกาว หลังจากเตรียมพื้นเดิมและวางแนวแล้ว ให้ใช้เกรียงสำหรับปาดกาว (เลือกขนาดและชนิดของเกรียงตามคำแนะนำของผู้ผลิตกาว) ปาดกาวลงบนพื้นเดิมทีละส่วน (ประมาณ 1-2 ตารางเมตร) แล้วนำไม้เอ็นจิเนียร์มาวางและกดลงบนกาวทันที ทำตามขั้นตอนการปูเหมือนวิธีลอยตัว แต่ต้องระวังไม่ให้กาวเลอะขึ้นมาบนผิวไม้ และเช็ดกาวที่เลอะออกทันทีตามคำแนะนำของกาวที่ใช้

สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติมและข้อควรระวังในการติดตั้ง
[ul]
  • ระยะห่างการขยายตัว (Expansion Gap): ย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญของการเว้นระยะห่างจากผนัง เสา วงกบ หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ รอบพื้นที่ติดตั้ง ระยะห่างนี้ (ปกติ 10-15 มม.) จำเป็นเพื่อให้พื้นไม้มีการขยายตัวตามธรรมชาติโดยไม่ดันหรือโก่งตัว
  • คำแนะนำของผู้ผลิต: สิ่งสำคัญที่สุดคือต้อง อ่านและปฏิบัติตามคำแนะนำในการติดตั้งของผู้ผลิตไม้เอ็นจิเนียร์ที่คุณเลือกใช้ อย่างเคร่งครัด เพราะรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ระยะเวลาปรับสภาพ, ชนิดของแผ่นรองพื้น, ชนิดของกาว, วิธีการต่อลิ้น อาจแตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อและรุ่น
  • คุณภาพของแผ่นรองพื้น/กาว: เลือกใช้แผ่นรองพื้นหรือกาวที่มีคุณภาพดี และเหมาะสมกับชนิดของไม้เอ็นจิเนียร์และสภาพพื้นเดิมตามคำแนะนำ
  • การติดตั้งในพื้นที่ชื้น: แม้จะทนความชื้นได้ดีกว่าไม้จริง แต่ไม้เอ็นจิเนียร์ส่วนใหญ่ไม่เหมาะกับการติดตั้งในห้องน้ำ หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะโดนน้ำท่วมขัง หากต้องการติดตั้งในพื้นที่ใกล้เคียง ควรเพิ่มการป้องกันความชื้นที่เหมาะสม
  • DIY vs. ช่างมืออาชีพ: การติดตั้งแบบคลิกล็อกสามารถทำเองได้สำหรับห้องที่ไม่ซับซ้อนและผู้ที่มีทักษะงานช่างพื้นฐาน แต่สำหรับการติดตั้งแบบติดกาว ห้องที่มีรูปทรงซับซ้อน หรือหากไม่มั่นใจ ควรจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์โดยเฉพาะ
[/ul]
หลังการติดตั้ง
หลังจากติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์เสร็จแล้ว ให้ทำความสะอาดพื้นผิวโดยการดูดฝุ่นหรือกวาดเศษไม้และขี้เลื่อยออก ติดตั้งบัวเชิงผนัง (Baseboard) หรืออุปกรณ์จบงานอื่นๆ เพื่อปิดช่องว่าง Expansion Gap ที่เว้นไว้ ควรหลีกเลี่ยงการวางเฟอร์นิเจอร์หนักๆ ทันทีหลังติดตั้ง (โดยเฉพาะวิธีติดกาว) เพื่อให้กาวเซ็ตตัวเต็มที่ และเริ่มต้นการดูแลรักษาพื้นตามคำแนะนำของผู้ผลิต



การติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ต้องอาศัยความใส่ใจในรายละเอียดตั้งแต่การเตรียมพื้น การปรับสภาพไม้ ไปจนถึงขั้นตอนการปูแต่ละแผ่น การทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตและการเว้นระยะห่างการขยายตัวเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แม้การติดตั้งบางวิธีจะทำได้เอง แต่หากไม่มั่นใจ การลงทุนจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญก็เป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยให้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ของคุณสวยงาม ได้มาตรฐาน และใช้งานได้ยาวนาน

Tags : การติดตั้งไม้เอ็นจิเนียร์ engineer

Tag Cloud